Thailand Shines: NASA Embraces First-Ever Thailand Liquid Crystal Launch
9/16/20251 min read


เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 05:11 น. ตามเวลาประเทศไทย จรวด Falcon 9 ของบริษัท SpaceX ได้ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยจรวด ณ แหลมคะเนอเวอรัล มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกานำพายานอวกาศ Cygnus (เที่ยวบิน NG-23) มุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ภายในยานลำนั้นบรรจุเพย์โหลดที่มีชื่อว่า "TLC" (Thailand Liquid Crystals in Space) ซึ่งเป็นโครงการทดลองผลึกเหลวในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงที่พัฒนาขึ้นโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นับเป็นครั้งแรกที่การทดลองของคนไทยได้เดินทางสู่ภารกิจอวกาศในระดับนี้ภารกิจครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นภายใต้โครงการ Commercial Resupply Service Mission (CRS) ของ NASA โดยมีคณะผู้แทนจากประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมด้วยผู้บริหารและคณาจารยรวมถึงหน่วยงานผู้สนับสนุนหลักอย่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA)
ในโอกาสสำคัญนี้ Dr. Robyn Gatens ผู้อำนวยการสถานีอวกาศนานาชาติของ NASA และ Mr. Robert Hampton ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเพย์โหลด จาก U.S. ISS National Lab ได้ร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมความสำเร็จของทีมวิจัยไทยด้วย
6 ปีแห่งความมุ่งมั่น สู่ความภาคภูมิใจบนเวทีโลก
รศ.ดร.ณัฐพร ฉัตรแถม จากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ TLC ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในนาทีสำคัญว่า "ในช่วงการกล่าวสรุปก่อนการปล่อยจรวด NASA ได้กล่าวต้อนรับทีมจากประเทศไทย ซึ่ง ณ ตอนนั้นรู้สึกปลาบปลื้มใจมากว่าในที่สุดความพยายามกว่า 6 ปีก็มาถึงจุดที่องค์กรอวกาศระดับโลกให้การต้อนรับพวกเราทีม Thailand เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติ นาทีประวัติศาสตร์ที่จรวด Falcon 9 ทะยานออกจากฐานปล่อยจรวดมันคือความตื้นตันค่ะ มันเป็นจุดที่บอกว่าตัวเองและทีมงานก้าวผ่านความยากลำบากที่ได้ฝ่าฟันและต่อสู้ให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในระดับโลกได้"
เจาะลึกภารกิจและเทคโนโลยี "TLC"
โครงการ TLC จะใช้เวลาทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลา 3 เดือน รวมชั่วโมงการทดลองทั้งสิ้น 144 ชั่วโมงโดยนักบินอวกาศของ NASA จะเป็นผู้ดำเนินการทดลองตามคำสั่งที่ส่งจากทีมวิจัยไทยซึ่งจะประจำการอยู่ที่ศูนย์ควบคุมภาคพื้นดิน 2 แห่งในสหรัฐอเมริกา คือที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส และเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโดหัวใจของโครงการคือชุดเพย์โหลดที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ
1. Control Module (โมดูลควบคุม): เปรียบเสมือนระบบสนับสนุนของโครงการ มีน้ำหนัก 15.7 กิโลกรัม ทำหน้าที่ควบคุมการจ่ายไฟฟ้า (สูงสุด 120 วัตต์) น้ำ และอากาศ ให้กับโมดูลอีกชิ้นส่วน โดยจะถูกติดตั้งเข้ากับกล้องจุลทรรศน์ KERMIT ที่มีอยู่บนสถานีอวกาศ
2. Image Module (โมดูลสร้างภาพ): มีน้ำหนัก 4.0 กิโลกรัม ทำหน้าที่สร้างฟิล์มผลึกเหลวบนเพลตทดลองที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้นักวิจัยสามารถสังเกตการณ์และบันทึกภาพการเปลี่ยนแปลงของผลึกเหลวในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงได้
การทดลองทั้งหมดจะถูกควบคุมและติดตามผลได้แบบเรียลไทม์ผ่านระบบเครือข่ายของสถานีอวกาศ โดยข้อมูลวิดีโอความละเอียดสูงที่ได้จากการทดลองจะถูกบันทึกลงใน Hard Disk Drive SSD ขนาด 6 TB หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เพย์โหลด TLC พร้อมด้วยข้อมูลการทดลองทั้งหมด จะถูกส่งกลับมายังพื้นโลกกับยาน SpaceX-33 ในเดือนมกราคม 2569 และจะถูกส่งกลับมายังประเทศไทยเพื่อให้ทีมนักวิจัยและนิสิตนักศึกษาได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกต่อไป ถือเป็นการเปิดประตูสู่องค์ความรู้ใหม่และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่วงการวิทยาศาสตร์ไทยอย่างแท้จริง

